ปัจจุบันคนไทยต้องเผชิญปัญหาด้านมลพิษทางอากาศ ทั้งฝุ่นควัน และไวรัส อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่พุ่งสูงขึ้นเกินค่ามาตรฐาน ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมลพิษทางอากาศสูงเป็นอันดับ 3 ในเอเชีย รองจากกรุงจาการ์ต้าและฮานอย
สำหรับปัญหาฝุ่น PM 2.5 หรือไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้นอกจากเราจะดูแลและป้องกันตัวเองโดยการสวมใส่หน้ากากอนามัย และการหมั่นล้างมือให้สะอาดแล้ว การปฏิบัติตนด้านอื่นๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม เช่น การดูแลเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ในทุกๆวัน เนื่องจากการนำเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มไปตากกลางแจ้งหลังจากการซักผ้า อาจทำให้เสื้อผ้าของเรากลายเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น มลพิษ และเชื้อไวรัสที่ลอยในอากาศโดยที่เรามองไม่เห็น ดังนั้นจึงอยากแบ่งปันวิธีการซักผ้าและตากผ้า เพื่อให้ทุกคนสามารถปกป้องทั้งเสื้อผ้า และสุขภาพของตนเองรวมถึงคนที่เรารักให้ห่างไกลจากฝุ่นและไวรัสได้ง่ายๆในทุกๆวัน ดังนี้
- สวมใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าไม่อมฝุ่น การเลือกเนื้อผ้าเพื่อสวมใส่ในช่วงนี้ถือเป็นวิธีง่ายๆที่เบโคอยากแบ่งปัน หลายคนอาจไม่รู้ว่าเนื้อผ้าแต่ละชนิด มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำต่างกัน ซึ่งมีผลต่อการเป็นแหล่งสะสมฝุ่นที่ต่างกันด้วย โดยเฉพาะเนื้อผ้าที่ไม่ดูดซับน้ำอย่างผ้าใยสังเคราะห์ หากซักไม่สะอาดหรือนำไปตากกลางแจ้งจะทำให้เสื้อผ้าของเราเป็นแหล่งสะสมฝุ่นชั้นดี นอกจากจะหมองและเก่าง่ายเมื่อโดนฝุ่นในปริมาณมากแล้ว ยังคงเป็นสาเหตุของการแพ้ทางผิวหนัง และระบบอื่นๆของร่างกายได้อีกด้วย
- เว้นการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม: โดยปกติแล้ว หลังจากที่เราซักผ้าด้วยผงซักฟอกแล้ว เรามักจะใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเพื่อให้เนื้อผ้านุ่ม มีกลิ่นหอม รวมถึงยับยั้งกลิ่นอับหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ แต่ในช่วงนี้ที่สภาพอากาศมีฝุ่น และมลพิษสูง น้ำยาปรับผ้านุ่มถือเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เนื่องจากคุณสมบัติลดการอมน้ำของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ทำให้ฝุ่นเกาะเสื้อผ้าของเราได้ง่ายและนานขึ้น ถึงแม้เราจะสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่การสวมเสื้อผ้าที่มีฝุ่นเกาะติดอยู่ตลอดเวลา ก็เท่ากับว่าเราแบกฝุ่นไปกับเราทุกที่ เสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้และส่งผลต่อสุขภาพได้เช่นกัน
- เลี่ยงการตากผ้านอกบ้าน: นอกจากเราจะควรงดการทำกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อหลีกเลี่ยงการสูดมลพิษและสัมผัสเชื้อไวรัสแล้ว อย่าลืมว่าเสื้อผ้าของเราที่โดยปกติเรานำออกมาตากนอกบ้านทุกวันแถมเป็นระยะเวลานาน อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นในปริมาณมากโดยที่เราไม่ทันระวัง โดยเฉพาะเสื้อผ้าเด็กเล็ก หรือคนที่มีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ โรคทางเดินหายใจ ควรงดการตากผ้านอกบ้าน โดยอาจเปลี่ยนเป็นการใช้เครื่องอบผ้าที่มีเทคโนโลยีหรือคุณสมบัติที่ไม่ทำให้เกิดกลิ่นอับ ง่าย สะดวก สะอาดต่อการสวมใส่ ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจด้วย
- เครื่องซักผ้าที่ดีคือเกราะป้องกันให้เสื้อผ้า: เพราะปัญหาฝุ่น มลพิษ หรือเชื้อไวรัสที่เกิดขึ้น ไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายโดยง่าย อุปกรณ์สำคัญที่จะสามารถเป็นตัวช่วยในการปกป้องทั้งสุขภาพและเสื้อผ้าของเราให้สะอาดปลอดภัย คือ เครื่องซักผ้าที่มีเทคโนโลยีในการช่วยลดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ รวมถึงมีนวัตกรรมซักอบแห้งในตัว นอกจากจะซักเสื้อผ้าของเราให้สะอาดแล้ว ยังสามารถอบผ้าให้แห้งโดยไม่ต้องนำไปตากนอกจากบ้านอีกด้วย
ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องซักผ้าอบผ้าที่มีเทคโนโลยีได้รับมาตรฐานมากมายซึ่งจะช่วยให้ทุกขั้นตอนการซักผ้าเป็นเรื่องง่าย ทำให้เสื้อผ้าปลอดภัยจากฝุ่นและไวรัส
ที่มา:sanook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น