อาการไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกน้ำตาไหล นี่เป็นส่วนหนึ่งของผู้เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งผู้ป่วยอาจจะได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในร่างกายโดยทางใดทางหนึ่ง และ “บ้าน” อาจเป็นแหล่งสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งเราจะทำอย่างไรเพื่อป้องกันไม่ให้มีสารก่อภูมิแพ้ภายในบ้านของเรา และนี่คือวิธีเหล่านั้น
1.กรุณาทิ้งรองเท้าไว้นอกประตู
ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ หรือสิ่งสกปรกต่างๆ อาจซ่อนอยู่ใต้ หรือบนรองเท้า นอกจากนั้นคุณควรหมั่นเปลี่ยนพรมเช็ดเท้าบริเวณนั้น หรือเตรียมรองเท้าสำหรับเปลี่ยนเพื่อเข้าบ้าน
2.คิดให้ดีที่จะเก็บของเล่น
ยิ่งรกน้อยยิ่งดี และพวกของเล่นเด็กๆ มักเป็นแม่เหล็กชั้นดีดูดและกักฝุ่นมากที่สุด ทิ้งตุ๊กตาหรือเกมที่ไม่ได้เล่นลงในถังขยะพลาสติกที่มีฝาปิดมิดชิด แต่ถ้าหากคิดที่จะเก็บของเล่นควรมีวิธีการจัดเก็บที่ไม่ทำให้เป็นที่กักเก็บฝุ่น
3.ดูที่ใต้เตียงด้วย
พื้นที่ใต้เตียงสามารถซ่อนฝุ่นไว้ได้ค่อนข้างมาก ดังนั้นควรหมั่นทำความสะอาดห้องนอน โดยเฉพาะพื้นที่ใต้เตียง และควรดูดฝุ่นที่พื้นนั้นเป็นประจำ
4.ลงทุนปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน
สำหรับเตียงนอนของคุณ ให้คุณพิจารณาดูว่าผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนของคุณนั้นไม่เพียงแต่ต้องใช้ผ้าที่ไม่เป็นที่กักเก็บไรฝุ่น แมลงต่างๆ แต่ยังต้องทนต่อความชื้นด้วย คุณไม่เพียงแต่จะเลือกสิ่งเหล่านี้เพื่อเตียงของผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ควรพิจารณาที่นอนสำหรับเด็กและเปลด้วย
5.กำจัดพรม
พื้นไม้ เสื่อน้ำมันนั้นง่ายต่อการทำความสะอาดเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นสารก่อภูมิแพ้ ละอองเกสรดอกไม้ และไรฝุ่นยังสามารถติดอยู่ในพรมได้ง่ายและส่งผลต่อคุณภาพของอากาศภายในอาคาร นอกจากนี้หากอยู่ในที่มีความชื้นการเปลี่ยนพรมและจุดที่เปียกชื้นสามารถลดโอกาสในการเติบโตของเชื้อราได้ แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้พรม ให้เลือกพรมจากสักหลาดที่สามารถล้างทำความสะอาดได้
6.เปลี่ยนผ้าม่านหนาๆ
ม่านที่หนักและมู่ลี่แนวนอนถือเป็นแหล่งก่อให้เกิดสารก่อภูมิแพ้ ลองใช้ผ้าฝ้ายหรือ ม่านจากผ้าสังเคราะห์ที่สามารถเช็ด ดูดฝุ่นทำความสะอาดได้สะดวก
7.เปลี่ยนแผ่นกรองฝุ่นเครื่องดูดฝุ่น
เครื่องดูดฝุ่นทำให้การทำความสะอาดนั้นง่ายขึ้น โดยปกติในเครื่องดูดฝุ่นมีแผ่นกรองที่สามารถดักจับสารก่อภูมิแพ้และถุงที่ถอดเปลี่ยนได้ง่าย แต่ที่สำคัญคือควรหมั่นเปลี่ยนแผ่นกรอง หรือถ้ามีถุงเก็บฝุ่นก็ควรเปลี่ยน หรือเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีถุงเก็บฝุ่นมีความหนาเป็นพิเศษ
ที่มา:sanook
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น