วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2565

วิธีสุดชาญฉลาดกำจัดฝุ่นในบ้านแบบที่คุณนึกไม่ถึง

 หลังทำความสะอาดบ้านไปแล้ว เพียงไม่นานฝุ่นก็กลับมาเหมือนเดิม โดยเฉพาะบ้านที่อยู่ใกล้แหล่งกำเนิดฝุ่น เช่นถนน หรือบริเวณที่มีการก่อสร้าง และเมื่อเกิดฝุ่นเราก็ต้องกลับมาทำความสะอาดกันอีกครั้งการต่อสู้กับฝุ่นที่ไม่มีวันสิ้นสุดจะทำให้ง่ายขึ้นถ้าทำด้วยเทคนิคเหล่านี้ ซึ่งคุณอาจไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นวิธีที่ได้ผล



ปิดหน้าต่าง

เรามักจะเพลิดเพลินกับสายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบ้านของเรา แต่สิ่งที่มาพร้อมสายลมคือฝุ่น ละอองต่างๆ ดังนั้นการปิดหน้าต่างไว้จึงเป็นอีกวิธีที่ช่วยกำจัดฝุ่นได้จำนวนมาก


ซักหมอนเป็นประจำ

หมอนที่คุณนอนมักมีไรฝุ่นซึ่งมันชอบกินเซลล์ผิวที่ตายแล้ว พวกมันเล็กมากจนมองไม่เห็น ดังนั้นควรกำจัดไรฝุ่นด้วยการซักหมอนอย่างน้อยปีละ 3 ครั้งด้วยน้ำร้อนจึงเป็นวิธีกำจัดฝุ่นที่อยากแนะนำ

ทำความสะอาดพื้นบ่อยๆ

เห็นได้ชัดว่าพื้นมีฝุ่น แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่เข้าถึงยาก เช่นฐานรอง และใต้เฟอร์นิเจอร์ ถ้าเป็นไปได้ให้ถูพื้นทุกวัน เพราะการกวาดเป็นการเคลื่อนฝุ่นไปรอบๆแทนที่จะกำจัดออกไป โดยแนะนำให้ถูกด้วยน้ำร้อน


ตีพรม


เส้นใยพรมเป็นแหล่งเพาะฝุ่น สำหรับพรมขนาดเล็กและขนาดกลางให้นำออกไปนอกบ้านแล้วตี สะบัดให้ทั่ว ซึ่งขณะที่ตีหรือสะบัดนั้นจะปล่อยสิ่งสกปรกและฝุ่นละอองส่วนใหญ่ออกมา แต่หากต้องการทำความสะอาดไปอีกระดับหนึ่งให้แขวนพรมไว้เหนือราวบันไดแล้วทุบด้วยไม้กวาด


อย่าละเลยทำความสะอาดม่าน มู่ลี่

หน้าต่างส่วนใหญ่ปิดไม่สนิท จึงทำให้มู่ลี่ และผ้าม่านเก็บฝุ่นได้มาก ดังนั้นจึงควรซักม่านเป็นประจำ (โดยตรวจสอบวิธีทำความสะอาดที่เหมาะสมกับวัสดุเหล่านั้น)


ใช้ Welcome Mat ปูหน้าประตูทางเข้า

การควบคุมฝุ่นส่วนใหญ่คือการป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้าบ้าน ซึ่งวิธีหนึ่งคือการใช้ Welcome Mat ปูตรงด้านหน้าทางเข้าเพื่อให้เช็ดเท้าก่อนเข้ามา ซึ่งสามารถวางได้ 2 ผืน โดยผืนแรกวางด้านนอก อีกผืนวางด้านในให้ตรงกันการปูแบบนี้จะทำให้มีกับดักสองชั้นสำหรับฝุ่นที่น่ารำคาญ


ตั้งกฎห้ามสวมรองเท้า

ดีกว่าการเช็ดรองเท้าก่อนเข้าคือการใช้กฎห้ามสวมรองเท้าในบ้าน รองเท้าจะติดฝุ่นและสิ่งสกปรกรวมไปถึงแบคทีเรียต่างๆ มา และอาจเป็นเรื่องน่าอึดอัดที่จะขอให้แขกถอดรองเท้า แต่ถ้าคุณเก็บตู้หรือชั้นวางรองเท้าไว้ใกล้ประตูหน้าหวังว่าผู้ที่มาเยือนจะเข้าใจว่าต้องทำอะไรด้วยตัวเอง


Cr.sanook

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น